คาดเข้าไทยปีหน้า Mercedes-Benz CLE 2024 พรีเมียมคูเป้โฉมใหม่
Mercedes-Benz CLE 2024 (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลอี 2024) รถยนต์คูเป้ขนาดกลางแบบ 2 ประตู 4 ที่นั่ง รุ่นใหม่ รหัสใหม่ คล้ายยุค CLK-Class เพื่อทำตลาดแทนทั้ง C และ E-Class Coupe ซึ่งทิ้งเอกลักษณ์ของรถที่ไม่มีเสากลาง (Pillarless) ไป แต่ได้ความแพรวพราวของฟีเจอร์ไฮเทคยุคใหม่มาแทนที่ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในปีหน้าและคาดว่าจะรวมถึงประเทศไทยด้วย
Mercedes-Benz CLE 2024 ดีไซน์ภายนอก
ดีไซน์ของ Mercedes-Benz CLE 2024 ในภาพรวมไม่ต่างจาก Mercedes-Benz C-Class Coupe และ E-Class Coupe มากนัก เพราะใช้ภาษาและปรัชญาการออกแบบเดิม ด้านหน้าเป็นสไตล์จมูกฉลาม (Shark nose) กระโปรงหน้าเล่นลอน Power dome ตามอย่าง Mercedes-Benz 300 SL Gullwing ได้ชุดไฟหน้าทรงใหม่ LED High Performance เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ส่วนไฟ DIGITAL LIGHT เป็นออปชั่นที่ต้องสั่งเพิ่ม กระจังหน้าทรง A ใช้แพตเทิร์นดาวโครเมียม 3 มิติ ตรงกลางเป็นโลโก้ดาวสามแฉก ซึ่งใช้สื่อถึงการเป็นรถกลุ่มสปอร์ต หรือการตกแต่งสปอร์ตของ Mercedes-Benz ขณะที่พื้นผิวตัวถังลดความซับซ้อนลง เพิ่มความเรียบ โค้งต่อเนื่องตัดด้วยเส้นคมด้านข้าง ไฟท้ายคาดยาวพร้อมเอฟเฟกต์ไฟวิ่งแสดงผลดูนุ่มนวล และให้ล้ออัลลอยตั้งแต่ขนาด 18 และ 19 นิ้ว ขึ้นอยู่กับระดับการตกแต่ง รวมถึงมีล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 ถึง 20 นิ้ว ปรับแต่งสีได้ให้เลือกในรายการออปชั่น
สำหรับขนาดตัวถังของ Mercedes-Benz CLE 2024 มีความยาว 4,850 มม. กว้าง 1,860 มม. สูง 1,428 มม. ใกล้เคียงกับ Mercedes-Benz E-Class Coupe โฉมปัจจุบัน แต่โฉมใหม่จะยาวและเตี้ยกว่า รวมถึงสูญเสียเอกลักษณ์ของการเป็นรถไม่มีเสากลาง (Pillarless) เหมือนในอดีตช่วงที่ Mercedes-Benz ส่ง CLK-Class กลับเข้ามาทำตลาดอีกครั้งต่อจาก Mercedes-Benz E-Class ตัวถังคูเป้รหัส C124 (เบนซ์โลงจำปา) หลังเว้นช่วงไปสักพัก
Mercedes-Benz CLE 2024 ดีไซน์ภายใน
ทางด้านภายใน Mercedes-Benz CLE 2024 ให้บรรยากาศที่เป็นสปอร์ต ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่มากกว่าตำแหน่งอื่น ๆ ควบคู่ไปกับความหรูและดูอวกาศ ด้วยการใช้แผงคอนโซลเอียงลาด พื้นผิวดูหลอมเหลวต่อเนื่องภายใต้รูปทรง T-Shaped ที่คั่นกลางระหว่างคนขับกับผู้โดยสารแยกออกจากกัน
ด้านบนสุดเป็นแผงช่องแอร์ทรงไอพ่น 5 ช่อง พวงมาลัย 3 ก้านทรงคลาสสิก ติดตั้งมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว ขณะที่จอมัลติฟังก์ชันตรงกลางมีขนาดเล็กกว่าที่ 11.9 นิ้ว พร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX รองรับอินเทอร์เน็ต 5G และเข้าถึงโซเชียลมีเดีย เล่น TikTok ฟัง Podcast หรือดูหนัง ฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง ประชุมผ่าน Zoom ไปจนถึงเล่นเกมได้เลย
รวมถึงยังมี AI คอยช่วยเหลือขณะขับขี่ที่เรียนรู้ เข้าใจความต้องการของผู้สั่งงาน และสามารถบันทึกรูปแบบการใช้งานเฉพาะรายบุคคลลงไปได้ตามชุดคำสั่งที่กำหนดเอง เช่น ทำให้ฉันหายร้อน อุปกรณ์ที่ถูกเลือกไว้จะทำงานทั้งหมด เป็นต้น
นอกจากนี้ Mercedes-Benz CLE 2024 ยังสามารถเลือกธีมบรรยากาศ-การทำงานของอุปกรณ์ภายในรถให้เข้ากับอารมณ์หรือความรู้สึกในขณะนั้นได้ เช่น ในวันที่อากาศหนาวเย็น ระบบอุ่นเบาะจะทำงานพร้อมกับปรับไฟ Ambient Light เป็นสีโทนอุ่น หรือคืนนัดเดต ระบบจะเลือกเปิดเพลงแนวโรแมนติก และไฟ Ambient Light เป็นสีชมพู เป็นต้น
Mercedes-Benz CLE 2024 เครื่องยนต์และสมรรถนะ
Mercedes-Benz CLE 2024 เบื้องต้นจะมีเครื่องยนต์ทั้งดีเซล ไมลด์ไฮบริด และเบนซิน ไมลด์ไฮบริด ให้เลือก ดังนี้
Mercedes-Benz CLE 220 d
ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 200 แรงม้า และแรงบิด 440 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 238 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Mercedes-Benz CLE 200
ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิด 320 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Mercedes-Benz CLE 200 4MATIC
ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิด 320 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 236 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Mercedes-Benz CLE 300 4MATIC
ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 258 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Mercedes-Benz CLE 450 4MATIC
ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ทวินสกรอลล์เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 381 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Mercedes-Benz CLE 2024 เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย
สำหรับระบบความปลอดภัยใน Mercedes-Benz CLE 2024 ในต่างประเทศ มีระบบช่วยขับขี่แบ่งเป็นหลายแพ็กเกจ ซึ่งมีทั้งระบบหลีกเลี่ยงการชน, ระบบรักษาช่องทางจราจร, ระบบจำกัดความเร็ว, ระบบลดความเร็วตามป้ายสัญญาณจราจร, ระบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า, ระบบเตือนจุดอับสายตา, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ